จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562

แจกสูตรหมักไก่ย่างวิเชียรบุรี พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ทุกคนก็ทำได้ เพียงทำตามสูตรนี้...



สูตรหมักไก่ย่างวิเชียรบุรี พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ทำกินง่าย ทำขายรวย

เพื่อนๆ คุณผู้อ่านสามารถนำเอาไปลองปฏิบัติลองทำกันดู จะทำกินเองภายในครอบครัว หรือจะทำเป็นอาชีพเสริม อาชีพอิสระ เพื่อหารายได้อีกทางหนึ่งก็ได้เช่นกัน ตามแต่สะดวกของแต่ละท่านกันเลย มาเริ่มกันเลยครับ

สูตรหมักไก่ย่างวิเชียรบุรี

1. ไก่ 1 ตัวขนาดประมาณ 1 กิโลกรัม/
2. ตะไคร้ 3 ต้น
3. กระเทียมไทย 20 กลีบ
4. รากผักชี 7 ราก
5. พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
6. ใบเตย 2 ใบ
7. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ้วขาว 1-1/2 ช้อนโต๊ะ
9. หอมแดง 4 หัว
10. นมสด 1/4 ถ้วย
11. เกลือ 1 ช้อนชา

น้ำจิ้มไก่ย่างวิเชียรบุรี สูตรที่ 1

– น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมะขามเปียกต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
– ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอมซอย
– ผักชีฝรั่ง
วิธีปรุง นำน้ำมะนาว น้ำตาลปิ๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา มาผสมจนเข้ากันดีแล้วชิมรสให้ได้รส เปรี้ยว หวาน เค็ม จากนั้นใส่ข้าวคั่ว พริกป่น คนให้เข้ากันแล้วโรยด้วยต้นหอมซอยผักชีฝรั่ง
น้ำจิ้มไก่ย่างวิเชียรบุรี สูตรที่ 2
– กระเทียม 5 กลีบ
– พริกชี้ฟ้าแดง 3 เม็ด
– น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยต้วง
– กระเทียมดอง 2 หัว
– เกลือ 1-2 ช้อนชา
วิธีปรุง นำเครื่องทั้งหมดมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปตั้งไฟให้น้ำตาลละลายเป็นใช้ได้
เมื่อได้จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์กันแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือทำครับ
เริ่มต้นเลยให้เอาเนื้อไก่ที่คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ออกมาล้างทำความสะอาดให้หมดจด ผ่าไก่ตลอดตัว แล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
หลังจากนั้นนำรากผักชี ตะไคร้ ใบเตย หอมแดง มาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่จะได้ง่ายในการนำมาปั่น และเครื่องปั่นของเราจะได้ไม่ทำงานหนักมากเกินไป เสร็จแล้วก็นำส่วนผสมทุกอย่างลงเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด
จากนั้นนำส่วนผสมที่ปั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วมาหมักไก่ แนะนำหมักไว้ 1 คืนเต็มๆ เลย เพราะว่าต้องการให้เครื่องเทศซึมเข้าไปในเนื้อไก่ให้มากที่สุด
เมื่อหมักไก่ได้ที่แล้ว ก็นำไก่มาย่างด้วยไฟอ่อนๆ ระหว่างย่างจะต้องทาหนังไก่ด้วยน้ำมันเพื่อให้หนังไก่มีสีสรรสวยงามน่ารับประทาน หรือท่านใดไม่มีสถานที่ที่จะก่อไฟย่างก็สามารถใช้วิธีการอบด้วยเตาอบแทนก็ได้เช่นกัน โดยใช้อุณหภูมิ 180 องศาในการอบ เริ่มจากการอบด้านในก่อนประมาณ 30 นาที จากนั้นกลับด้านเป็นด้านหนังอีกประมาณ 30-45 นาที
สามารถนำฟอร์ยมาปิดเอาไว้ก่อนได้ในระหว่างที่อบ หนังไก่จะได้ไม่ไหม้มากไป ก่อนที่เนื้อจะสุก
ระหว่างที่เราอบให้พยายาม หมุนตัวไก่ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ความร้อน ถูกตัวไก่อย่างสม่ำเสมอด้วย พอย่างหรืออบเสร็จแล้วก็เอามาหั่นเป็นชิ้น ๆ เสริฟคู่น้ำจิ้มที่ได้แนะนำไว้ตามข้างต้นได้ตามใจชอบเลยครับ

ขอบคุณบทความดีๆจาก http://thaiesarnrecipes.com/?p=822

ตรวจเช็คที่ดิน วัดที่ดินง่ายๆ เพียงไม่นาที ด้วยโทรศัพท์มือถือ


ตรวจเช็คที่ดิน วัดที่ดินง่ายๆ เพียงไม่นาที ด้วยโทรศัพท์มือถือ



หลาคนไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้ว การตรวจเช็คพื้นที่ รวมถึงการวัดที่ดินที่เราอยากรู้นั้น สามารถวัดได้จากโทรศัพท์มือถือที่เราได้ใช้อยู่ ไม่ต้องเปลืองแรงลงพื้นที่ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น คุณจะรู้คำตอบได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ เพราะเป็นการอ้างอิงโดยการใช้ GPS

ขั้นตอนการเช็ก



ในขั้นตอนแรกนี้ ให้เราเริ่มต้นโดยการโหลดแอพที่มีชื่อว่า Ling วัดที่ดินมาก่อน



เมื่อดโหลดเสร็จให้เราเข้าไปที่แอพ ในหน้าจอจะขึ้นแผนที่ให้เราซูมเข้าซูมออก ดูได้ตามปกติ



ขั้นต่อถัดมาให้เราค้นหาตำแหน่งที่เราต้องการวัด อย่างเช่น ในตัวอย่างต้องการวัดขนาดที่ดิน สวนลุม



จากนั้นให้เราครอบพื้นที่ที่เราอยากรู้ เทื่อครบทุกมุมแล้วให้เรากดไปที่เครื่องหมายบวก หน้าจอจะขึ้นเป็นตัวเลขในแต่ละหลักเขตขึ้นมาบอกเรา แล้วทำการเลื่อนไปที่หัวมุมต่อๆไป



เมื่อเราทำการวางครบในทุกมุมที่เราอยากจะรู้แล้ว  หน้าจอจะขึ้นแสดงผลพื้นที่ว่ามีขนาดเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการวัดโดยการคำนวนจากพิกัด GPS เมื่อวัดเสร็จแล้วเราสามารถ ตั้งชื่อ บันทึก และ เซฟเก็บไว้ในเครื่อง หรือ จะแชร์ให้เพื่อน ให้ลูกค้าที่สนใจซื้อดูข้อมูลที่ดินนี้ก็ได้

นับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ได้ให้ความสะดวกความสบายอย่างมาก เพราะสามารถเชื่อถือได้ ที่สำคัญใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเราก็รู้ผลแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Kim Property Live

หมดปัญหา “เล็บขบ” กวนใจ แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แค่พริบตาเดียว!



ใครไม่เคยเป็น “เล็บขบ” ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน จะย่างกรายไปทางไหนก็แสนจะเจ็บปวด ยิ่งหนองแตกยิ่งปวดหนักเป็นสองเท่า บางคนเป็นหนัก ๆ ถึงกับต้องถอดเล็บ โอ้ย…แค่คิดก็ทรมานแล้ว ใครที่เป็นเล็บขบอยู่ต้องหาวิธีรักษาแล้วล่ะค่ะ ส่วนใครที่ไม่อยากเป็นเล็บขบ ต้องอ่าน !

เล็บขบเกิดจากอะไร
ใคร ๆ ก็รู้ใช่ไหมว่า “เล็บ” มีหน้าที่ป้องกันอันตรายให้นิ้ว และส่วนนี้จะไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเกิดโรคขึ้นกับเล็บ แต่ถ้าเกิดโรคนั้นกินเข้าไปถึงผิวหนังแล้วล่ะก็ “เล็บ” ก็สร้างความปวดร้าวให้เจ้าของเล็บสุด ๆ เลยล่ะ
โดยเฉพาะ “เล็บขบ” (Unguis Incarnatus) โรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด “เล็บขบ” ได้ก็คือ
1. การใส่รองเท้าที่บีบมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อที่อยู่ด้านข้างของเล็บถูกบีบเข้ามา เล็บก็เลยไปกดเนื้อด้านข้าง เมื่อเล็บงอกมันก็จะงอกลึกลงไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ การใส่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมเกินไป ก็ทำให้เท้าถูกบีบจนเล็บงอกตามปกติไม่ได้ ต้องกินเข้าไปในเนื้อ
2. การตัดเล็บไม่ถูกวิธี หลายคนตัดเล็บด้านข้างเป็นมุมแหลมชิดเนื้อ หรือลึกเกินไปนั่นเอง ทำให้เล็บงอกใหม่ไปทิ่มที่ซอกเล็บ จนเกิดแผลและมีอาการปวดตามมา หรือบางคนชอบแต่งเล็บให้โค้งเข้าในซอกเล็บมากเกินไป และชอบแคะ ขูด งัดซอกเล็บบ่อย ๆ
3. การติดเชื้อราที่เล็บ
4. อุบัติเหตุ เช่น ปลายนิ้วเท้าชอบไปชนอะไรบ่อย ๆ ทำให้เล็บฉีกขาดแทงเข้าไปในซอกเล็บได้ หรือการเล่นกีฬา เช่น เทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอล บาสเกตบอล ซึ่งทำให้กระดูกนิ้วทำงานหนัก
5. การมีเล็บเท้าที่กว้างกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกย หรือเบียดกัน
และวันนี้จะพาไปดูวิธีการเอาเล็บขบออก โดยการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์คล้ายๆ มีด หรือว่า สิ่วเจาะ ต้องบอกเลยว่าแค่พริบตาเดียวก็เอาเล็บขบออกได้แล้ว จะเป็นยังไงนั้นตามไปดูกันเลย
คลิป
เป็นยังไงกันบ้าง เอาออกง่ายมากๆเลยใช่ไหม ใช้เวลาแค่นิดเดียวก็สามารถเอาเจ้าเล็บขบที่ทำให้คุณปวดแทบจะเดินไม่ได้นั้นออก เป็นวิธีที่ง่ายและเจ๋งมากๆ โดยไม่ต้องถอดเล็บให้เจ็บปวดอีกต่อไป เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เล็บขบหายแน่นอน100%
ที่มา คิดได้ไง
ขอบคุณบทความ จาก http://สาระน่ารู้.com/สุขภาพ

‘เด็ก ม.6’ เปลี่ยนใบสับปะรดไร้ค่า ให้มีราคาเพิ่ม 20 เท่า จนตอนนี้กลายเป็นที่โด่งดัง


ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่เป็นที่น่ายินดีว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยหันมาเอาใจใส่ดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งคือการนำเอาวัสดุหรือวัตถุดิบที่ไม่ใช้แล้วมาแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะเหล่านั้นแล้ว ยังได้สิ่งของมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
เพิ่มมูลค่ากระดาษใยสับปะรด
คุณพลพงษ์ ตันติพิพัฒน์พงศ์ หรือ น้องมัช นักเรียนเกรด 12 จากโรงเรียนนานาชาติ NIST กรุงเทพฯ เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงได้นำใบสับปะรดมาแปรรูปเป็นกระดาษจากใยสับปะรด ในโครงการ Ever leaves โดยนำมาใส่ไอเดียเก๋ไก๋ ผลิตเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ กระเป๋าใส่บัตร และที่พันหูฟัง ของใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอลได้อย่างดี
สินค้าที่แปรรูปมาจากใยสับปะรดนี้ นอกจากจะมีความทนทานแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าของเกษตรกรให้มีราคาสูงมากกว่า 20 เท่า
คุณสมใจ บุญใส สมาชิกกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เดิมทางกลุ่มนำกระดาษจากใยสับปะรดมาผลิตเป็นที่ใส่ไม้จิ้มฟัน กล่องกระดาษทิชชู และสินค้าอื่นๆ แต่ขายได้ในราคาไม่แพง ถ้าไม่แปรรูปแล้วกระดาษใยสับปะรดจะขายได้น้อย ไม่ได้ราคาดี ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ว่า ราคาสับปะรดเองก็ถูกมาก ยิ่งปี 2561 นี้ ราคาตกต่ำสุดในรอบ 11 ปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้น้อยลง พอมีโครงการ Ever leaves ของน้องมัช มาช่วยให้คำแนะนำ เสนอเสริมไอเดียว่าควรจะนำกระดาษจากใยสับปะรดไปทำเป็นผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ได้ราคาสูงมากขึ้น และได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มอื่น ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
น้องมัชเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของโครงการ Ever leaves ว่ามีความสนใจและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และเห็นว่าในแต่ละปีหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตของสับปะรด มีส่วนอื่นๆ ที่เหลือใช้ ซึ่งเกษตรกรนำไปขายเป็นปุ๋ยหรือเชื้อเพลิงในโรงงานปั่นไฟ ได้ราคาเพียง 50 บาท ต่อใบสับปะรด 100 กิโลกรัม ถือว่าเป็นเงินจำนวนที่น้อยมาก
อีกทั้งกลุ่มเกษตรกรบางกลุ่มที่นำใบสับปะรดมาแปรรูปเป็นกระดาษ ซึ่งใบสับปะรด 30 กิโลกรัม จะได้ใยสับปะรด 15 กิโลกรัม ผลิตกระดาษจากใยสับปะรดได้ 60 แผ่น ขายได้ในราคาแผ่นละ 10 บาท นอกจากนี้ เกษตรกรยังนำกระดาษจากใยสับปะรดมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก
ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ด้วยความคิดที่ว่านี้ น้องมัชจึงได้ริเริ่มก่อตั้งโครงการ Ever leaves ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือแนะนำพี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ เกษตรกรไร่สับปะรด ในการปรับปรุงพัฒนาการผลิตกระดาษจากใยสับปะรดให้มีคุณภาพที่ดี มีความคงทนสวยงามมากขึ้น และที่สำคัญคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย มีรูปแบบการใช้งานที่ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น เช่น ทำเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ ใส่มือถือ เงิน หรือเครื่องเขียน กระเป๋าใส่บัตร และที่พันหูฟัง ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยขายได้มากกว่า 20 เท่าจากราคากระดาษจากใยสับปะรด
สินค้าที่ผลิตจากกระดาษใยสับปะรดของโครงการ Ever leaves ตอนนี้มีอยู่ 3 ชนิด คือ 1. กระเป๋าอเนกประสงค์ ใส่มือถือ เงิน หรือเครื่องเขียน ราคา 359 บาท 2. กระเป๋าใส่บัตร ราคา 259 บาท และ 3. ที่พันหูฟัง ราคา 159 บาท สินค้าทั้ง 3 ชนิด ได้เสริมวัสดุด้านใน ตัดเย็บอย่างดี มีความทนทาน กันน้ำ และผลิตจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้สนใจสามารถชมสินค้าเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ https://www.everleaves.org
น้องมัชแจกแจงว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปแบบทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานกับเครื่องมืออุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป็นวัยรุ่นที่นิยมสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานอุปกรณ์ที่ทันสมัย และกลุ่มนักท่องเที่ยว
สินค้าทั้ง 3 ชนิด มีจุดเด่นและได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งหมด เนื่องจากมีการทำวิจัยด้านการตลาดถึงลักษณะการใช้งานของกลุ่มลูกค้า ซึ่งถือว่าสามารถตอบโจทย์ได้อย่างน่าพอใจ
กับคำถามที่ว่าในท้องตลาดมีคู่แข่งหรือไม่ น้องมัชอธิบายว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบทันสมัยที่ทำจากกระดาษใยสับปะรด ยังไม่มีคู่แข่งรายอื่นทำ แต่จะมีสินค้าที่มีอรรถประโยชน์ในการใส่อุปกรณ์ต่างๆ เหมือนกันที่ทำจากวัสดุอื่น ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไป
ในการแปรรูปใบสับปะรดเพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ น้องมัชบอกว่า ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 500,000 บาท ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการโปรโมตและขายสินค้า คาดว่าจะได้เงินทุนคืนใน 1-2 ปี แต่ก็มีปัญหาอุปสรรคบ้าง ในช่วงเริ่มการผลิต เนื่องจากจำนวนผลิตน้อย ทำให้ต้นทุนสูง และต้องทำการโปรโมตเพื่อให้เป็นที่รู้จัก
เตรียมขยายตลาดออนไลน์
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต หนุ่มน้อยรายนี้แจกแจงว่า จะพยายามเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มีดีไซน์หลากหลายมากขึ้น พร้อมทั้งโปรโมตผ่านช่องทางอื่น เช่น เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคมากขึ้น
“ผมหวังว่าจะสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับผลิตภัณฑ์จากวัสดุพื้นบ้าน และสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โดยปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือและร่วมงานกับกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของสับปะรด เนื่องจากมีพื้นที่ปลูกสับปะรดมากที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกมากที่สุดในประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ ผมยังคาดหวังว่า Ever leaves จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพสินค้าแปรรูปจากวัสดุธรรมชาติให้มีมูลค่าเพิ่มและมีความเป็นสากลมากขึ้น เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และสามารถต่อยอดถ่ายทอดความรู้ไปสู่การพัฒนาส่วนอื่นๆ ต่อไป” น้องมัช กล่าว
ผู้ประกอบการหน้าใหม่รายนี้ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าวว่า การแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ควรมองหาวัสดุเหลือใช้ที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นวัสดุที่มีความโดดเด่น อาจจะเป็นเรื่องความสวยงามของ texture หรือคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความคงทน และที่สำคัญ ควรทำการทดลองผลิตว่าสามารถทำผลิตภัณฑ์ได้จริง ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
แหล่งที่มา : sentangsedtee
ขอบคุณบทความจาก https://www.item2day.com

40 ไอเดีย “ออกแบบระเบียงชมวิว” ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศธรรมชาติ พร้อมมุมกว้างชมวิวรอบทิศ



เรามักจะเห็น ระเบียงชมวิว ตามรีสอร์ทหรือตามสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และมันก็เรียกว่าเป็นจุดยอดฮิตที่ใครหลายคนมักจะไปเก็บภาพสวยๆ และรับบรรยากาศจากธรรมชาติ ซึ่งถ้าหากใครมีบ้านพักตาอากาศสักหลัง การออกแบบบ้านให้มีระเบียงกว้างสำหรับชมวิว ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยล่ะค่ะ
และวันนี้ ในบ้าน ก็ได้นำ 40 ไอเดีย “ออกแบบระเบียงชมวิว” มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน รวบรวมไว้ด้วยดีไซน์ที่สามารถปรับใช้กับบ้านพักตากอากาศได้ เพื่อให้บ้านมีพื้นที่ชมวิวสวยๆ ราวกับได้ไปพักผ่อนรับธรรมชาติในต่างจังหวัด จะมีไอเดียไหนน่าสนใจบ้าง เราลองไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
  
ที่มา : Pinterest